
เคยได้ยินคำว่า ทำไปเพราะบันดาลโทสะ กันไหม วันนี้ เดอะ เอส ทีม จะพาไปทำความรู้จักกับเหตุที่อ้างบันดาลโทสะได้กัน!!
บันดาลโทสะ ไม่ใช้ข้ออ้างที่ทำให้พ้นความผิด เเต่เป็นดุลยพินิจของศาลว่าการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะหรือไม่ ถ้าฟังว่าเป็นเป็นการบันดาลโทสะ ส่งผลให้เป็นเหตุลดโทษ ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้
“ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้”
โมโหร้ายแรง แล้วทำผิด มีสิทธิตามกฎหมาย
หลักเกณฑ์ของการบันดาลโทสะ
- ผู้กระทำความผิดถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
- การถูกข่มเหงเช่นนั้นเป็นเหตุให้ผู้กระทำบันดาลโทสะ
- ผู้กระทำได้กระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะบันดาลโทสะ
การข่มเหงหมายถึง การรังแก แกล้ง หรือทำให้ผู้อื่นรู้สึกอับอาย หรือข่มเหงจิตใจ ซึ่งเป็นการกระทำที่เกิดจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และผู้ที่ถูกกระทำต้องรับผิดชอบในความรู้สึกของตัวเองเพียงฝ่ายเดียว
การข่มเหงจะร้ายแรงหรือไม่ ดูที่ความรู้สึกของวิญญูชน แม้อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าสังคม หรือคนทั่วไปที่มีจิตสำนึกพื้นฐานเห็นว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความโกรธหรือความเดือดร้อน ก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องร้ายแรง เช่น การที่สามีหรือภริยามีชู้ ซึ่งในสังคมไทยถือว่าเป็นการกระทำที่ร้ายแรง เป็นต้น
การกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ ต้องเป็นการที่ผู้กระทำความผิดต้องกระทำความผิดเนื่องจากความโกรธที่เกิดจากการข่มเหง และต้องกระทำความผิดต่อตัวผู้ที่ข่มเหงในขณะนั้น หากการข่มเหงได้สิ้นสุดลงแล้ว ความโกรธก็ควรจะหมดไปด้วย หากผู้กระทำความผิดไปกระทำความผิดกับผู้ข่มเหงในภายหลัง อาจเป็นการกระทำเพื่อแก้แค้น หรือด้วยเหตุผลอื่น ๆ ในกรณีนี้ไม่สามารถอ้างว่าการกระทำเกิดจากบันดาลโทสะได้

การกระทำความผิดในขณะบันดาลโทสะ ยังคงเป็นความผิดตามกฎหมาย แต่ศาลอาจใช้ดุลพินิจในการลดโทษให้เบาลงกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ได้